Spread the love
fridge-new[1].jpg

ตู้เย็นถือเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่ทุกครอบครัวมีอยู่ในบ้าน ตู้เย็นสามารถทำความเย็นโดยมีส่วนประกอบทั้งหมด 2 ส่วน คือส่วนฉนวนป้องกันความร้อน และส่วนทำความเย็น เชื่อว่าหลายคนรู้จักกับตู้เย็นแล้ว แต่รู้มั้ยว่า ชาวกรีกและชาวโรมันโบราณเป็นผู้คิดประดิษฐ์ตู้เย็นขึ้นมาเป็นครั้งแรกเพื่อใช้เก็บเนื้อสัตว์และอาหารหลายชนิดไว้ได้โดยไม่ให้บูดเน่า ซึ่งในปัจจุบันบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆได้มีการพัฒนาตู้เย็น ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกมากมายหลายรุ่นหลายยี่ห้อในการเลือกซื้อ ไม่ว่าจะเข้าห้างสรรพสินค้าหรือร้านตัวแทนจำหน่ายก็มีให้เลือกจนลายตา ทำให้การเลือกซื้อตู้เย็นสักเครื่องจึงเป็นอะไรที่ต้องให้ความสำคัญเพราะราคาก็ไม่ใช่ถูกๆเลยทีเดียว แล้วปัจจัยอะไรบ้างที่ควรคำนึงถึงก่อนเลือกซื้อตู้เย็น เราเตรียมไว้ให้แล้วตามนี้

1. ขนาด

ขนาดของตู้เย็นที่เหมาะสม ควรเลือกจากจำนวนสมาชิกในครอบครัวเป็นหลัก การที่สมาชิกในครอบครัวมาก ของที่อยู่ในตู้เย็นก็จะมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน อีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการเลือกขนาดตู้เย็นด้วยคือ พื้นที่ในบริเวณบ้าน ถ้าบ้านหลังใหญ่พื้นที่เยอะก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าบ้านหลังเล็ก เนื้อที่ภายในบ้านมีจำกัด เรื่องของขนาดก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามด้วยเหมือนกัน ซึ่งขนาดของตู้เย็นเหมาะกับคนในครอบครัวดังนี้

  • สมาชิก 2 คน : ปริมาณคิวที่เหมาะสมต่ำสุดคือ 2.5 คิวขึ้นไป
  • ครอบครัวที่มีสมาชิก 3-4 คน : ปริมาณคิวที่เหมาะสมคือ 12-18 คิว
  • ครอบครัวที่มีสมาชิก 5 คนขึ้นไป : ปริมาณคิวที่เหมาะสมคือ 15 คิวขึ้นไป

2. ราคา

งบประมาณของแต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน ดังนั้นเรื่องราคาจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักของการเลือกซื้อตู้เย็น ซึ่งตู้เย็นก็มีราคาที่หลากหลายแตกต่างกันไปตามขนาด ยี่ห้อ หรือฟังก์ชั่น การตัดสินจะง่ายขึ้นเมื่อมีการตั้งงบไว้ตั้งแต่แรกก่อนจะซื้อ จากนั้นเปรียบเทียบคุณสมบัติยี่ห้อให้เหมาะสมกับงบที่ตั้งไว้ เช่นการคำนวณราคาและปีที่รับประกัน โดยอาจคำนวณได้ดังนี้

  • ราคาตู้เย็น หาร จำนวนปีที่มีการรับประกัน เพื่อเปรียบเทียบจำนวณปีที่รับประกัน
  • ราคาตู้เย็น หาร จำนวนปีที่มีการรับประกัน บวก ค่าไฟต่อปีที่ระบุบนป้ายเบอร์ 5 หาร 365 วัน

3. จำนวนประตู

นอกจากขนาดและราคาแล้ว ตู้เย็นยังมีประตูให้เลือกอย่างเหมาะสมกับการใช้งานที่หลากหลาย

  • ตู้เย็น 1 ประตู
  • ตู้เย็น 2 ประตู (ช่องแช่แข็งด้านบน,ช่องแช่แข็งด้านล่าง,แบบซ้าย-ขวา)
  • ตู้เย็นแบบหลายประตู (ส่วนบนจะเป็นแบบซ้าย-ขวา และส่วนล่างเป็นช่องแช่แข็ง)

4. นวัตกรรมใหม่

สมัยนี้ตู้เย็นมีนวัตกรรมใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาตามการแข่งขันที่สูงขึ้น เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการใช้งานได้อย่างดียิ่งขึ้นเช่น การทำความเย็น คงความสดของอาหาร หรือยับยั้งแบคทีเรียและเชื้อไวรัสเป็นต้น แต่ก็ยังมีนวัตกรรมใหม่ที่ไม่คิดว่าจะมีอยู่จริง ซึ่งจะเป็นฟังก์ชั่นไหนบ้าง เรามีข้อมูลนวัตกรรมใหม่ๆอย่างเช่น

  • InstaView Door-in-Door ใช้มือแตะ 2 ครั้ง จะเห็นของในตู้เย็นทันที
  • แปลงช่องแช่แข็งกลายเป็นช่องแช่เย็นได้
  • ShockFreeze ช่วยให้อาหารได้รับการแช่แข็งอย่างรวดเร็ว

5. ประหยัดไฟ

เรื่องของค่าไฟก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม เพราะค่าไฟในปัจจุบันมีแต่จะเพิ่มขึ้นๆในอนาคต ควรเลือกซื้อตู้เย็นที่มีสติ๊กเกอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ฉลากนี้แหละที่จะเป็นตัวการันตีการประหยัดไฟได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าเป็นเบอร์ที่ต่ำลงไปก็จะประหยัดไฟลดลงตามไปด้วย ไล่ตั้งแต่เบอร์ 1 ประหยัดไฟน้อยสุด จนถึงเบอร์ 5 ที่ประหยัดไฟมากสุด เปรียบเทียบเบอร์ฉลากกับค่าไฟรายปีได้ดังนี้

  • ตู้เย็นฉลากเบอร์ 3 : กินไฟ 332 หน่วย/ปี ต้องเสียค่าไฟประมาณ 840 บาท/ปี
  • ตู้เย็นฉลากเบอร์ 4 : กินไฟ 262 หน่วย/ปี ต้องเสียค่าไฟประมาณ 644 บาท/ปี
  • ตู้เย็นฉลากเบอร์ 5 : กินไฟ 220 หน่วย/ปี ต้องเสียค่าไฟประมาณ 573 บาท/ปี

6. ดีไซน์

ดีไซน์ของตู้เย็นก็เป็นปัจจัยในที่สำคัญในการเลือกซื้อของคนสมัยนี้เช่นกัน เพราะนอกจากจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดหนึ่งแล้ว ตู้เย็นยังเป็นเหมือนของแต่งบ้านไปด้วยในตัว ยิ่งสมัยนี้เหล่าผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ดังหันมาให้ความสนใจเรื่องของดีไซน์มากขึ้น โดยพยายามออกแบบตู้เย็นที่มีประสิทธิภาพและความสวยงามควบคู่กันไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นสีของตู้เย็น รูปทรง วัสดุที่เลือกใช้ ความเงางาม ปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสนใจไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว

7. บริการหลังการขาย

หลายครั้งที่เรามักจะเจอหรือเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับการบริการหลังการขายที่ทั้งดีและไม่ดีมาบ้าง ทำให้การที่คิดจะซื้อตู้เย็นที่เครื่องๆหนึ่งก็ราคาแพงไม่ใช่เล่น เรื่องบริการหลังการขายจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเลยอย่างยิ่ง การรับประกันมีตั้งแต่หลักปีจนถึง 10 ปีเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรศึกษาเงื่อนไขต่างๆของแต่ละบริษัทให้ดีก่อนเลือกซื้อ ไม่เช่นนั้นอาจเจอปัญหาบริการหลังการขายเอาก๋็เป็นได้

หลังจากตัดสินใจซื้อได้แล้ว ควรตรวจสอบสภาพตู้เย็นที่เลือกซื้อโดยรอบว่ามีรอยบุบ รอยยุบหรือไม่ ก่อนเซ็นต์รับสินค้า การขนย้ายตู้เย็นก็มีรายละเอียดพอสมควร ไม่ควรขนย้ายด้วยการวางแบบแนวนอน เพราะจะทำให้น้ำยาในการทำความเย็นไหลไปตามจุดต่างๆของตู้เย็น ดังนั้นการขนย้ายควรขนย้ายด้วยแบบแนวตั้ง และควรขนย้ายด้วยรถกระบะแบบมีตู้ทึบ เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันความเสียหายจากการโดนน้ำหรือโดนแดดจัด และนี่ก็คือหลักการก่อนการตัดสินใจซื้อตู้เย็น รวมทั้งข้อแนะนำในการขนย้ายตู้